Menu
สายด่วนบริการลูกค้า : 02-692-8404-12

หน้าแรก / บทความที่น่าสนใจ

"COVID-19" ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้สร้างความเสียหายต่อร่างกายเราได้อย่างไร

17/03/2020

      โลกเพิ่งรู้จักไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เมื่อ ธ.ค. ปีที่แล้ว แต่ขณะนี้การแพร่ระบาดของไวรัสนี้ได้กลายเป็น "การระบาดใหญ่" (pandemic) หลังจากเชื้อลุกลามไปอย่างรวดเร็วในกว่า 142 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ทำให้เกิดโรคที่เรียกกันว่า โควิด-19 และหลายๆคนก็เกิดอาการวิตกกังวลว่าหากฉันเป็นโรคนี้แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นกับฉันบ้างและมันจะร้ายแรงแค่ไหนหากฉันเป็น

 

ระยะฟักตัว
       ช่วงนี่เป็นช่วงที่ไวรัสจะพยายามเข้าไปฝังอยู่ในร่างกาย ไวรัสโคโรนา มีชื่อเรียกทางการว่า Sars-CoV-2 มันสามารถเข้าสู่ร่างกายเมื่อคุณหายใจ สัมผัสจนเชื้อหาทางเข้าสู้ร่างกายได้ พอเจ้าเชื้อร้ายนี้มันเข้าไปปุ๊ปก็จะแพร่ไปตามเซลล์ที่เยื่อบุคอ ท่อทางเดินหายใจและปอด ก่อนจะเปลี่ยนอวัยวะเหล่านี้เป็น "โรงงานผลิตไวรัสโคโรนา" ที่แพร่กระจายไวรัสใหม่ไปติดเซลล์เพิ่มอีก ในช่วงแรกนี้ คุณอาจไม่มีอาการป่วย และสำหรับบางคนก็อาจไม่แสดงอาการใดเลย โดยเฉลี่ยแล้ว ระยะฟักตัวตั้งแต่ติดเชื้อถึงแสดงอาการอยู่ที่ 5 วัน แต่ก็แตกต่างกันไปตามกรณี

 

ระยะที่อาการไม่หนัก
       นี่คืออาการที่คนส่วนใหญ่จะเผชิญ จะเป็นการติดเชื้ออย่างเบา สำหรับ 8 ใน 10 คนที่เป็นโรคโควิด-19 อาการหลักคือมีไข้และไอ เป็นไปได้ว่าร่างกายจะปวดระบม เจ็บคอ และปวดหัว แต่ก็ไม่เสมอไป
       อาการไข้เกิดจากการตอบสนองของร่างกายคุณต่อไวรัส ร่างกายเห็นไวรัสเป็นสิ่งแปลกปลอมเลยสั่งการบอกร่างกายว่ามีบางอย่างผิดปกติด้วยการหลั่งสารไซโตไคน์ (cytokines) นี่จะช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันแต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ร่างกายปวดระบมและมีไข้
       การไอที่เกิดจากไวรัสโคโรนาเป็นไอแบบแห้ง ๆ และนี่คงเป็นผลมาจากเซลล์ที่ระคายเคืองหลังติดเชื้อไวรัส บางคนอาจจะไอจนมีเสมหะออกมาในที่สุด โดยเสมหะนี้เป็นเซลล์ปอดที่ตายจากเชื้อไวรัส อาการเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ สามารถรักษาด้วยการนอนพัก ดื่มน้ำเยอะ ๆ และกินยาพาราเซตามอล ระยะที่ว่านี้กินเวลาราวหนึ่งสัปดาห์ โดยคนส่วนใหญ่จะสามารถฟื้นสภาพร่างกายได้เองเนื่องจากเอาชนะไวรัสได้

 

ขั้นร้ายแรง
        บางคนอาการแย่ลงเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายตอบสนองไวรัสมากเกินไป การหลั่งสารเป็นสัญญาณเตือนว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาสามารถทำให้เกิดอาการอักเสบในร่างกาย แต่การอักเสบนี้ต้องอยู่ในระดับที่พอดีสมดุล มากไปจะทำให้เกิดความเสียหายไปทั่วร่างกายได้
        "ไวรัสนี้ทำให้เกิดการตอบโต้ของระบบภูมิคุ้มกันอย่างไม่สมดุล มีอาการอักเสบมากเกินไป เรายังไม่ทราบว่าไวรัสทำเช่นนี้ได้อย่างไร" ดร.นาธาลี แมคเดอร์มอตต์ จากคิงส์คอลเลจลอนดอน กล่าว
        การอักเสบที่ปอดเรียกว่าอาการปอดปวม เป็นไปได้ที่เชื้อจะเดินทางเข้าปาก ผ่านหลอดลม และเข้าไปสู่ถุงลมในปอดในที่สุด ในนี้จะมีกระบวนการการนำออกซิเจนเข้าสู่เลือดและขับคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป แต่ในภาวะปอดบวม น้ำจะเริ่มเข้ามาในถุงลมเล็ก ๆ และทำให้เกิดอาการหายใจไม่อิ่มและหายใจไม่สะดวกในที่สุด ในระยะนี้ บางคนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ข้อมูลจากจีนชี้ว่า 14 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดได้รับผลกระทบในขั้นนี้

 

ขั้นอาการสาหัส
        คาดการณ์ว่ามี 6 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดที่อาการทรุดจนสาหัส ถึงจุดนี้ ร่างกายสู้ไม่ไหวและอาจเสียชีวิตได้ ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถจัดการตัวเองได้ และสร้างความเสียหายไปทั่วร่างกาย อาจเกิดภาวะช็อกจากการติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อความดันโลหิตต่ำจนอวัยวะไม่สามารถทำงานได้ หรือหยุดทำงานไป อาการอักเสบที่ปอดทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ไตอาจหยุดฟอกเลือด เยื่อบุลำไส้ถูกทำลาย และหากระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถสู้ไวรัสได้ ไวรัสก็จะแพร่กระจายไปทุกที่ที่ทำได้เพื่อทำลายร่างกายเพิ่มอีก การรักษาในขั้นนี้อาจต้องใช้เครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอด หรือ ECMO แต่ร่างกายก็อาจจะเสียหายถึงขั้นที่ไม่สามารถทำงานต่อไปได้อีก

 

การเสียชีวิตรายแรกๆ
     ในวารสารทางการแพทย์ Lancet Medical มีการบันทึกไว้โดยละเอียดกรณีคนไข้สองคนแรกที่เสียชีวิตที่โรงพยาบาลจินอิ๋นถาน ในเมืองอู่ฮั่นในจีน ตอนแรกคนไข้ทั้งสองดูมีสุขภาพดีแม้จะเป็นคนสูบบุหรี่ คนแรกเป็นชายอายุ 61 ปี มีภาวะปอดปวมรุนแรงเมื่อมาถึงโรงพยาบาล แม้ว่าจะมีเครื่องช่วยหายใจช่วยแต่ปอดก็ล้มเหลวและหัวใจหยุดทำงานในที่สุด เขาเสียชีวิต 11 วันหลังจากมาถึงโรงพยาบาล

 

ที่มา:BBC